การพบหลักฐานทางโบราณคดีในภาคใต้
ที่เป็น “เครื่องมือเครื่องใช้หิน” แสดงให้เห็นว่ามนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณนี้ใช้เครื่องมือหินกะเทาะ
เครื่องมือหินขัด เช่น
ขวานหินขัดเป็นเครื่องมือขูดถลกหนังและขนสัตว์เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม
เครื่องมือหญิงดังกล่าวพบทั่วไปในภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่
พังงา นครศรีธรรมราช และยะลา
ส่วนเครื่องมือเครื่องใช้หินที่เป็นหลักฐานแสดงว่ามีการทำผ้าจากพื้นเป็นเครื่องนุ่งห่ม
คือหินทุบผ้าเปลือกไม้ หรือหินทุบเปลือกไม้
เป็นเครื่องมือหินที่มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายค้อนหิน มีขนาดเท่ากำปั้นประกอบด้วยส่วนหัวที่บากเป็นร่องหรือริ้วรอยไว้สำหรับทุบเปลือกไม้และส่วนด้ามสำหรับจับถือหรือต่อด้วยไม้
เครื่องมือชนิดนี้ใช้สำหรับทุบเปลือกไม้
เช่น ป่าน ปอ ฝ้าย เพื่อนำเส้นใยมาทำผ้า
ในภาคใต้พบเครื่องมือหินดังๆหลายแห่งซึ่งมีอายุไม่น้อยกว่า 3,500
ถึง 4,500 ปี ได้แก่ ที่ถ้ำเบื้องแบบ
ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่แหลมป้อม ตำบลบ้านม่วง
อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพรและประจวบคีรีขันธ์
นอกจากนี้ยังพบที่บ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานีและที่จังหวัดกาญจนบุรี
หินทุบผ้าเปลือกไม้
เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำรู้จักทำผ้าขึ้นใช้แล้ว
และเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีอยู่ร่วมสมัยกับการใช้เครื่องมือหินกะเทาะ เช่น
ขวานหินขัด และหม้อสามขา เป็นต้น
มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุคโลหะ
(2,700 ถึง 1,500 ปีมาแล้ว)
สามารถทอผ้าใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มแล้ว และเสื้อผ้าที่ใช้ทอด้วยป่านกัญชา
นอกจากนี้ยังพบ เเว
ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ปั่นเส้นใยให้เป็นเกลียวเพื่อทำเส้นด้ายสำหรับทอผ้า
แวทำด้วยหิน กะลามะพร้าวหรือดินเผา ขนาดเท่าหัวแม่มือ
มีไม้เล็กๆเสียบอยู่ตรงกลาง เเวดินเผาที่พบทั่วไปทำเป็นก้อนกลม
ตรงจุดศูนย์กลางเจาะรูสำหรับสอดแกนไม้ เล็ก พันปุยฝ้าย ปลายไม้จะมีเงี่ยงและร่อง
สำหรับเกี่ยวและพันธุ์ฝ้าย
เเวเป็นเรื่องถ่วงน้ำหนักทำให้เกิดแรงเหวี่ยงหมุนได้นานขนาดของแวต่างกันตามขนาดของเส้นด้ายและวัสดุ
เช่น เเวขนาดเล็กน้ำหนักน้อยใช้ปั่นขนสัตว์ เเวขนาดใหญ่ใช้ปั่นเส้นใยจากพืช
เช่น ใยป่านลิลิน ป่านกัญชา
เเวช่วยให้เส้นใยบิดเป็นเกลียวเสมอกันพบทั่วไปในเอเชีย
โดยเฉพาะภาคใต้ของประเทศไทยพบเเวที่ทำด้วยหินกระดูกสัตว์และดินเผา
ที่ชุมชนโบราณท่าเรือ ตำบลท่าเรือ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ทำด้วยหินดินดานสีแดง
เป็นรูปคล้ายฐานกรวยเจาะรูผ่านตลาด แวหินยังพบในแหล่งสำรวจบ้านมะขาม ตำบลระโหนด
อำเภอระโหนด จังหวัดสงขลา ในแหล่งโบราณคดีเขาศรีวิชัย อำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบแวที่ทำด้วยกระดูกสัตว์ และดินเผา
เส้นใยที่ปั่นด้วยแวอาจเป็นเส้นใยสั้นๆ คุณภาพไม่ดีนัก
แต่ก็ใช้เรื่อยมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 23 จึงเลิกใช้เมื่อมนุษย์ประดิษฐ์เครื่องปั่นด้ายที่เรียกว่า
ไน แทน แว ที่ใช้มาแต่โบราณ
ภาพสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นผ้าที่ใช้เส้นด้ายหลอดขัดกันเหมือนกันสานลายขัด
เพราะติดผ้าที่พบมักเป็นเนื้อหยาบมีเส้นใยขัดกัน เส้นด้ายมีขนาดไม่เท่ากันและตีเกลียวกันอย่างหลวมๆตามเข็มนาฬิกา
ส่วนวัสดุที่นำมาทอผ้าและวิธีการทอผ้าได้พัฒนามาเป็นลำดับ
มนุษย์นำเปลือกไม้และใบไม้ที่มีเส้นใย เช่น ต้นป่าน ปอ ใบสับปะรดมาแปรรูปเป็นเส้นใย
โดยแช่น้ำให้ยุ้ยแล้วใช้หินหรือไม้ทุบให้วุ้น หลุด แล้วนำเส้นใยมาทำเป็นเส้นลวดถักและทอเป็นผืนผ้าได้
ต่อมานำปุยของฝ้ายที่หุ้มเมล็ดนำมาปั่นให้ฟูและบิดเป็นเส้น
ปุยฝ้ายมักมีสีขาวและสีน้ำตาลอ่อน
เมื่อเก็บสมอฝ้ายหรือดอกฝ้ายมาตากให้แห้งสนิทแล้ว
นำไปอิ้วหรือแยกเมล็ดออกจากปุยฝ้าย จากนั้นก็นำไปดีดด้วยกงดีดฝ้ายให้ปุยฝ้ายแตกฟู
เสร็จแล้วล้อฝ้ายให้เป็นแท่งกลมยาว เพื่อนำไปเขียนเป็นเส้นด้าย
ด้ายฝ้ายที่นำไปทอผ้าเป็นสีธรรมชาติหรือสีย้อมให้เป็นสีต่างๆผ้าที่ทอจากฝ้ายเรียกว่า
ผ้าฝ้าย นอกจากนี้ชาวจีนได้นำใยที่หุ้มดักแด้ของตัวไหมมาทอผ้าเรียกว่า ผ้าไหม